top of page

‘เพชร’ หนุ่มนักปั้นโมเดล 3D ผู้มีแพชชั่นแรงกล้ากับหนทางสู่ระดับโลก ที่น่าจับตามอง

  • รูปภาพนักเขียน: pasakorn khanare
    pasakorn khanare
  • 25 ก.ย. 2566
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 31 ต.ค. 2567

เขียนเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2021


ชายหนุ่มในเสื้อสีเทาหมึกจีนหันขวับ ส่งยิ้มเชื้อเชิญให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตามีความมุ่งมั่นแน่วแน่ราวกับ ว่าถูกจุไปด้วยจุดมุ่งหมาย และแรงบันดาล


ree

“โฆษณารถ เราไม่จำเป็นต้องใช้รถจริงมาขับก็ได้ แต่เราใช่คอมพิวเตอร์สร้างหมดเลย มันก็เป็นจริงได้ทุก อย่าง”

ประโยค ๆ หนึ่ง ของ เพชร วีรภัทร ชายหนุ่มผู้ใฝ่ฝันจะเป็นแอนิเมเตอร์ระดับโลกที่อธิบายภาพตัวอย่าง การทำงานในสายวิชวลเอฟเฟคนั้นก็ เสมือนการสรรค์สร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้ออกมาเป็นรูปธรรม


น้ำเสียงของเขาให้อารมณ์ต่าง ไปจากคนรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่มีความเขินอายมีแต่ความหนักแน่นมั่นใจ หากเงี่ยหูฟังให้ดีอาจจะนึกเป็นภาพเดียวกันได้ว่า เขาจะต้องมีประสบการณ์จากงานที่ใช้ทักษะการพูดเป็นอย่างแน่นอน


วีรภัทร สังข์รุ่ง หรือ เพชร อายุ 20 ปี จบมัธยมปลายจากโรงเรียนเชียงของวิทยาคม ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ ที่ วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี สาขาแอนิเมชั่น และวิชวลเอฟเฟค ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขา เลือกที่จะมาเรียนสาขานี้ไม่เพียงเพราะเป็นสิ่งที่เขาถนัดเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ และทำมันได้ดีอย่างมี ความสุขไปพร้อม ๆ กัน แม้ว่าช่วงแรก ๆ อาจจะต้องดิ้นรนและมีการผิดใจกับทางบ้านเล็กน้อย แต่เขาก็ได้แสดงให้ เห็นด้วยการกระทำ รวมทั้งผลงานอันเป็นประจักษ์จนทำให้ครอบครัวของเขายอมรับได้


จุดเริ่มต้นของแอนิเมเตอร์ไฟแรงรุ่นใหม่และเส้นทางการฝึกฝนที่ไม่ง่าย

“ส่วนหนึ่งพี่ดูหนัง พี่ดูการ์ตูน พี่เล่นเกม แล้วพี่ก็รู้สึกว่าอยากทำแบบเนี้ย พี่ต้องเรียนอะไร ก็ไปหาข้อมูลมา”


ช่วงมัธยมปลายนั้นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับใครหลาย ๆ คน สำหรับเพชรก็เช่นกัน เป็นเวลา 6 ปีที่ เขาได้ทุ่มเทสั่งสมประสบการณ์เดินสายประกวดในกิจกรรมต่าง ๆ มากมายที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และงานภาพในสายกราฟฟิกปีละ 2 รายการ ทั้งตัดต่อภาพยนตร์ สร้างแอนิเมชั่น 2D สร้างโมชั่นกราฟฟิก และเกม เป็นต้น ไม่ เพียงแต่กิจกรรมการประกวดเท่านั้น เขายังเคยดำรงตำแหน่งประธานนักเรียน และวิทยากรมาแล้วหลายครั้ง ซึ่ง งานด้านการปกครอง (รัฐศาสตร์) ก็ยังเป็นอีกสายงานที่เขาชื่นชอบ และทางบ้านค่อนข้างสนับสนุน จึงต้องเลือก อย่างใดอย่างหนึ่ง ณ วินาทีสุดท้ายเขาจึงได้ทำการตัดสินใจเลือกสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดส่งผลให้ได้มาอยู่ ณ จุดนี้ๆ


ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้นไม่ใช่แค่การเลือกทางใดทางหนึ่งแบบขอไปที แต่เขายังวางเป้าหมายเอาไว้ซึ่งเป็น ดั่งถ้วยรางวัลสูงสุดของชีวิต นั่นคือการได้เข้าไปเป็นแอนิเมเตอร์สัญชาติไทยที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานดีกรีออสการ์ สำหรับภาพยนตร์ในวงการฮอลลีวูด เช่นเดียวกับ บัว ฑิฆัมพร แอนิเมเตอร์ไทยชื่อดังที่ได้มีส่วนร่วมใน ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์มากมาย ซึ่งเพชรก็มีพี่บัวเป็นบุคคลตัวอย่างในการฝึกตน


“ถ้าเป้าหมายทั่วไปของพี่ พี่อยากทำงานสาย 3D นี่แหละที่พี่ชอบ แล้วถ้าเป้าหมายสูงสุดของพี่ ที่แบบสูงสุดจริง ๆ พี่อยากทำหนังได้ออสการ์ซักเรื่องนึง”


นอกจากนี้เขายังเพิ่มเติมในเรื่องแผนชีวิตที่วางไว้คร่าว ๆ ในอนาคตว่าอยากใช้ชีวิตกับสิ่งที่ชอบ และได้ทำงานทั่วโลกแบบหมุนไปเรื่อย ๆ และไม่ได้มีแพลนจะมีชีวิตคู่


“พี่อยากไปทำหนังเมืองนอก ประมาณแบบปีนี้พี่ทำงานอยู่ออสเตรเลีย ปีหน้าฟินแลนด์วนไปเรื่อย ๆ ส่วนตัวอะพี่ ไม่มีแพลนจะมี ชีวิตคู่อยู่แล้ว พี่ก็เลยคิดว่า พี่จะทำอะไร ใช้เงินเที่ยวไปรอบโลก ทำงานไปรอบโลก ไปเรื่อย ๆ” แน่นอนว่าหนทางสู่การเป็นแอนิเมเตอร์ระดับโลกไม่ใช่แค่ทางเดินขึ้นเขาธรรมดาเท่านั้น แต่ผู้ที่อยากจะ เข้าไปมีส่วนร่วมจะต้องฝึกตนอย่างหนัก กระหายความรู้อยู่ทุกช่วงขณะ และมีระเบียบวินัย เพชรได้เล่าถึงตาราง การฝึกของเขาในแต่ละวันให้ฟัง


“พี่จะแบ่งสมมติ ให้เวลาเป็น 10 ส่วน พี่จะแบ่ง 3 ส่วนไว้เป็นเรื่องเรียน อีก 3 ส่วนไว้เรื่องฝึก อีก 2 ไว้พักผ่อน และอีก 1 ไว้สำรอง สำรองก็คือ บางครั้งก็เอาไปทบนั้นทบนี่ก็จะมีเป๋ไป ซึ่งมันจะบาลานซ์ พอดีของแต่ละวัน”


คุณสมบัติหลัก ๆ ของแอนิเมเตอร์ที่ดีนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความขยัน แต่จะต้องเข้าใจหลักการทำงาน มี ทักษะในทุกด้าน ทั้ง 2D และ 3D รวมทั้งมีนิสัยช่างสังเกตเพื่อเก็บรายละเอียดของงานให้ออกมาดีมากที่สุด


“ถ้าเป็นเชิงของกราฟฟิก 2D ก็เป็นพวก Photoshop ตระกูล Adobe พี่ทำได้หมดทุกโปรแกรมเลย เป็นโปรแกรม พื้นฐานแบบทั่วไป แล้วถ้าฝั่ง 3D ก็เหมือนกันได้ทุกสกิล เพราะพี่ศึกษาทุกด้านมาหมดแล้ว พี่เป็นคนประเภทแบบ ไม่ชอบทำอะไรซ้ำๆ พี่ก็เลยทำทุกอย่าง วนไปเลย เลยได้ทั้ง 2 ฝั่ง”


ผลงานล่าสุดที่เขาได้นำทักษะที่ฝึกฝนมาผลิตผลงานประกวด ได้รับคัดเลือกและได้รับเงินสนับสนุน 5,000 บาท พร้อมสิทธิ์การเป็นสมาชิก AIS D.C. 1 ปี จากกิจกรรม Creative Business AR Exhibition Workshop ซึ่ง เป็นการออกแบบ 3D Model Animation ที่จะช่วยแต่งเติมสีสัน สร้างเรื่องราว ให้กับธุรกิจในย่านเจริญกรุงต่อไป ซึ่งผลงานดังกล่าวจะได้เข้าร่วมจัดแสดงในงานเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2564 หรือ Bangkok Design Week 2021 (BKKDW2021) ระหว่างวันที่ 8 – 16 พฤษภาคม 2564


“งานนี้เกี่ยวกับ AR (Augmented Reality) 1 เป็น 3D โมเดล ที่มีแอนิเมชั่น พี่ก็ส่งออกออกมาเป็น AR แล้วก็ ส่งไปแข่งกับเขา ซึ่งมันก็คือ 3D โปรเจค ที่ทำทุกอย่างตั้งแต่ปั้น ใส่กระดูก และแอนิเมชั่นทั้งหมด ตอนนี้พี่เตรียม ทำผลงานไว้ยื่นที่ฝึกงานอยู่ ก็น่าจะใช้เวลาอีกเรื่อย ๆ ส่วนตัวพี่ค่อนข้างจะซีเรียสเรื่องเวลา เวลาทำงานต้องมีการ กำหนดเวลาว่า เวลาไหนทำงานให้ลูกค้า หรือเวลาไว้ฝึก อันนี้ไว้พักผ่อน แต่ช่วงหลังมานี้พักผ่อน พี่ก็แอบหักมา บ้าง”


เขาพูดอย่างภาคภูมิใจด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังเล่าเพิ่มเติมต่อไปว่า “พี่ก็แอบหักมาบ้าง ขายวิญญาณให้กับพวก กราฟฟิกเยอะ แต่ก็แลกกัน พี่คิดว่า คนเราต้องมีวิธีรีแลกซ์ของตัวเอง อย่างบางทีเราเรียนหนัก ๆ เราก็ล้า เรา อยากไปปลดปล่อย คลายเครียด พี่ไปนั่งดื่มกับเพื่อนหาร้านนั่งบ้างก็มีหรือ ว่างก็พักผ่อนดู Netflix พวกอนิเมะ เรื่อยๆ นั่งดูไปจนถึงเช้า ข้อเสียของพี่คือเวลาดูหนังหรืออนิเมะ พี่จะเป็นคนที่ดูรวดเดียวจบ ซึ่งคือพี่หยุดไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่ก็จะต้องมี รีแลกซ์เดย์ ที่พักผ่อนจริงๆ จะไม่มีการแตะงานเลย นั่งดูจนหมดวัน”


อะไรก็เป็นไปได้สำหรับวงการ VFX 3D model Animation ในไทย

“มันจะเป็นปัจจัยหลักของวงการการแสดง การตลาด เพราะพี่คิดว่าส่วนนึงอะมันสามารถควบคุมทุกอย่างในนั้นได้ เลย ตั้งแต่ขั้นตอนการ Pre-production, Production และการ Post-Production ทุกอย่าง สมมติว่าโฆษณารถ เราไม่จำเป็นต้องใช่รถจริงมาขับก็ได้ แต่เราใช่คอมพิวเตอร์สร้างหมดเลย มันก็เป็นจริงได้ทุกอย่าง


“ถ้าพูดถึงต้นทุนพี่คิดว่า คือเดิมทีตอนนี้ต้นทุนมาจากนายทุนนอก ที่มาลงทุนบริษัทของคนไทย แล้วคนไทยด้วย กันเองก็ยังเป็นยุคของคนเก่าด้วยก็เลยไม่ค่อยเจริญด้านนี้เท่าไหร่ แต่ว่าส่วนใหญ่คนไทยก็ไปทำงานนอกกันนะ ได้ดี กันเยอะ ถ้าพูดถึงต้นทุนของไทยก็อีกนานอยู่ แต่ว่าตอนนี้ คล้ายกับว่า ซึมซับเข้าทุกวงการไปแล้ว วงการแพทย์ก็ เข้าไป วงการอื่น ๆ ก็เช่นกัน พี่คิดว่า อีกหน่อยจะไปไกลกว่านี้อีกเยอะ”


ลงทุนให้ถูกที่และไม่หยุดที่จะเรียนรู้

“การเรียนรู้พี่จะชอบแทนเป็นมุมมองของนกที่มองลงมา บางอย่างพี่จะไม่ไปลงสนามเอง พี่ก็จะมองจากคนอื่น แล้วเก็บมาพัฒนาตัวเอง พี่มองว่าการศึกษา คือการลงทุน พี่ก็ต้องซื้อบางอย่างมาเพื่อ จะได้เรียนรู้ไวขึ้น ถูกต้อง ตามหลัก”


“แต่ถ้าเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต พี่จะเปรียบตัวเองเป็นน้ำ ไม่ว่าพี่จะที่ไหนสภาพแวดล้อมที่อากาศแบบไหนพี่ก็จะ อยู่ได้ ไปอยู่ที่หนาวก็เป็นน้ำแข็ง ไปอยู่ที่ร้อนก็เป็นไอน้ำ ถ้าต้องไปอยู่ที่เป็นร่องรอยเป็นรอยก็เป็นของเหลวเข้า ไปได้ ประมาณนี้ รวม ๆ กัน ก็คือความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตของเรา เหมือนหยินหยาง


ด้วยความมุ่งมั่นและหลงใหลในเป้าหมาย ทำให้เขาซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่ควรค่าแก่การจับตามองว่าจะเดินไป ทางทิศใด และไปไกลได้อีกมากเพียงไหน สักวันหนึ่งชื่อของเขาอาจจะไปปรากฏอยู่บนเอนเครดิตของหนังฮอลลีวูด สักเรื่องก็เป็นได้

สัมภาษณ์และเรียบเรียง : ภาสกร คณารีย์

ภาพ : ภาสกร คณารีย์

 
 
 

ความคิดเห็น


ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นในโพสต์นี้ได้แล้ว เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อเจ้าของเว็บไซต์
bottom of page